ความหมายของคำว่า Da'vance
Da'vance (ดาวองก์) แท้จริงแล้วมาจาก D'AVANCE ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าความก้าวหน้าแต่ด้วยเกรงว่าจะไม่สามารถอ่านได้หรือออกเสียงได้ลำบาก จึงเปลี่ยนมาอ่านว่า ดา-วองก์ และเปลี่ยน วิธีการเขียนใหม่เป็น Da'vance
ที่มาของสถาบัน Da'vance
การสอนของดาวองก์แท้จริงแล้วเกิดขึ้นเมื่อราว 10 ปีก่อน โดยอาจารย์ปิงเริ่มการ สอนครั้งแรกบนโต๊ะปิงปองกับกลุ่มนักเรียน ในละแวกบ้านที่เป็นนักเรียนสายศิลป์ คำนวณ โดยสอนทุกวิชาเว้น เพียงแต่วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพเท่านั้น และ ต่อมา อ.ปิง ก็หันมาให้ความ สนใจกับการสอนในวิชาสังคมศึกษาและวิชาภาษาไทย มากขึ้น และสอนใน 2 วิชานี้มาจนกระทั่งในปัจจุบัน ด้วยเห็นว่าวิชาสังคมศึกษาและ ภาษาไทยนั้น เป็นวิชาที่มีความสำคัญมากในการเอนทรานซ์ ของนักเรียน สายศิลป์ ทั่วไปซึ่งเป็นวิชาที่แท้จริงมีความสนุกสนาน แต่ทว่าการเรียนในโรงเรียนนั้นอาจจะ เกิดความเบื่อ หน่ายและไม่น่าสนใจขึ้นดาวองก์ในสมัยแรกๆ ที่เปิดสอนนั้น มิได้มี การสอนเพียงแค่วิชาสังคมและภาษาไทยเท่านั้นแต่เปิดสอน ในวิชาอื่นๆ ควบคู่กัน ไปด้วยทั้ง วิชาคณิตศาสตร์ โดย อ.ดำ, ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์กายภาพฯ นอกจากนี้ยังมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาเปิดสอนในวิชาฟิสิกส์แก่นักเรียนสายวิทย ์ในรุ่นถัดมาด้วยก็คือ อ.วรรณา ซึ่งเป็นอาจารย์มือดีคนหนึ่งในย่านฝั่งธน
ในระยะต่อมาการเรียนการสอนในวิชาสังคมศึกษา และภาษาไทย เติบโตเป็นที่นิยม มากขึ้นจึงลดการสอนวิชาอื่นๆ ลงไปการเติบโตของดาวองก์เกิดจากความไว้วางใจ ของนักเรียนที่เคยเรียนบอกต่อกันแบบปากต่อปากเรื่อยมา จากนักเรียนเพียงกลุ่ม เล็ก ๆ ไม่กี่คนก็เติบโตเป็นจำนวนกว่าสิบคน และขยายเพิ่มขึ้นจนเป็นห้องเรียน และมีนักเรียนเป็นจำนวนกว่าพันคน ดังเช่นปัจจุบัน ดาวองก์เป็นสถาบันที่ไม่ใช่เป็น เพียงแค่ให้การศึกษาที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นแต่ทว่ายังให้ความเป็นกันเองและมี ความอบอุ่นใกล้ชิดกัน ระหว่างผู้สอน คือ อ.ปิง เอง กับนักเรียนจะเห็นได้ว่ามีศิษย์เก่า แวะเวียนมาหาและเยี่ยมเยียนอยู ่ตลอดเวลา
เรื่องราวของดาวองก์ในสมัยก่อน ๆ นั้น จะมีประเพณีการรับน้องคล้ายๆ กันกับ การรับน้องทั่วไปโดยรุ่นพี่จะมา เลี้ยงต้อนรับ เล่นเกมส์ พูดคุยกับนักเรียนใหม่ แต่ในภาย หลังที่มีนักเรียนมากขึ้นเป็นทวีคูณ การรับน้องจึงต้องเลิกไปโดยปริยาย ทิ้งไว้แต่ความ ประทับใจที่นักเรียนรุ่นเก่าๆ มีไว้ต่อกันสิ่งที่เกิดขึ้นในดาวองก์ มีหลายเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อแต่ได้เกิด ขึ้นแล้วนักเรียนบางคู่ที่เกิดชอบพอกัน ตั้งแต่สมัยเรียน ในปัจจุบันก็แต่งงานกัน เป็นคู่ที่น่ารักและมักจะเล่าถึงอดีตที่พบ กันที่ดาวองก์เสมอๆ นักเรียนบางคนของดาวองก์กลายเป็นติวเตอร์ที่มีชื่อเสียง หลายท่านในปัจจุบัน แล้วน้อง ๆ เชื่อไหมว่าดาวองก์เองเคยมีแหวนรุ่นมีเพลง ประจำที่นักเรียนรุ่นแรก ๆ ช่วยกันแต่งขึ้น มีงานฉลองปีใหม่ งานเทศกาลวัน วาเลนไทน์ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันก็ยังจัดอยู่) และความประทับใจแบบลุ้นระทึกที่ นักเรียนรุ่นแรกๆ ยังคงจำได้ คือการเรียกถามแบบรายตัวซึ่งเป็นที่ลุ้นมากว่า จะถึงตาเราหรือไม่ ทำให้กระตือรืนล้นตลอดเวลาและสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ และทำให้การสอนของดาวองก์ไม่น่าเบื่อ คือ วิธีการสอนการเล่าเรื่องของ อาจารย์ที่มีความสนุกสนานชวนให้จดจำได้ดีเสมอ
ถึงแม้ว่าดาวองก์ในปัจจุบันจะเติบโตมากขึ้นทุกทีบางประเพณี ก็ถูกตัดออกไปบ้าง แต่ดาวองก์ก็ยังพยายามให้ความเป็น กันเองกับนักเรียนพร้อมด้วยคุณภาพใน การเรียนการสอนที่ดีเยี่ยมตลอดเวลา และนี่คือ ดาวองก์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ปล... ที่ขาดไม่ได้อย่างน้อยเคยได้รับการยืนยันจากนักเรียนรุ่นเก่า ๆ ว่า จอห์นนี่ แอนโฟเน่ ก็ยังเคยแอบมาเรียนที่ดาวองก์ กะเขาเหมือนกัน ..ปัจจุบันบันศิษย์เก่า ของดาวองก์หลายคนก็อยู่ในวงการบันเทิงด้วย เช่น แจ๊บ เพ็ญเพชร เพ็ญกุล , คลาวเดีย จักรพันธุ์ , เกรียงไกร หรือวอยเจอาร์ , น้องพิม ซาซ่า .. ไม่แน่นะ อาจเป็นนักเรียนก็ได้
ตราสัญลักษณ์ของดาวองก์
แท้จริงแล้ว ตราสัญลักษณ์ของดาวองก์นั้น เป็นรูป อิฐที่เรียงกัน 9 ก้อน ซึ่งคิดโดยพี่ไดโน่ (วสันต์ เจริญทองตระกูล) ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของดาวองก์ ทีเดียวโดยพี่ไดโน่ได้ให้ความหมายของสัญลักษณ์ อิฐ 9 ก้อนไว้ดังนี้ Da'vance เอง แปลว่า ความก้าวหน้า ซึ่ง สถาบันดาวองก์ก็คือ สถาบันที่ สร้างความก้าวหน้าให้กับ นักเรียน ในบรรดาอิฐทั้ง 9 ก้อนนั้นจะมีอยู่ 8 ก้อน ที่เรียงตั้งตรงหมายถึง ความรู้ที่สถาบันดาวองก์สร้างให้ ส่วนอิฐที่เหลืออีก 1 ก้อนนั้น ยังไม่ตั้งตรง นั้นหมายความว่า นักเรียนจำจะต้องประยุกต์ และนำ ความรู้ที่อาจารย์สอนไปสร้างความก้าวหน้าให้แก่ตนเอง อันมีความหมาย ว่าคุณครูผู้สอนช่วยชี้แนะแนวทางให้ส่วนการลงมือปฏิบัติเพื่อให้ประสบผล สำเร็จนั้นเป็นหน้าที่ของนักเรียน
